time passes, things change, memories stay.

Image

 

เมื่อวานตอนเช้า เขาตัดต้นปีบ
ไม่รู้อีกนานมั้ยกว่าจะแตกยอด จะอยู่ทันเห็นดอกปีบดอกใหม่รึเปล่านะ
แสงแดดที่ส่อง หลังจากนี้จะแตกต่างไป 
ร่มเงาที่เคยมีจะจางหาย สายตาคงต้องเริ่มปรับตัว

after sunrise is sunshine.

 

 

แทนที่จะปิดท้ายวันที่เหนื่อยล้าด้วยการนอนหลับ กลับกลายเป็นฉายหนังซ้ำ
กี่ครั้งแล้วกับหนังเรื่องนี้ เปิดวนซ้ำจนจำประโยคเหล่านั้นได้แม่นยำ
หนังจบลงในเวลาที่วันใหม่กำลังเริ่มต้น พระอาทิตย์ในชีวิตจริงกำลังจะอวดโฉม
ท้องฟ้าวันนี้สวยเหมือนเป็นผลพลอยได้จากวันดีดีของเซลีนและเจสซี่
ภายใต้สีน้ำเงินสดคล้ายกับโคบอลต์ในถาดสีน้ำ
มันถูกเจือด้วยคู่สีตรงข้ามอย่างผสมกลมกลืน
ดุจภาพวาดสีน้ำมันของจิตกรผู้บูชาความฝันคนหนึ่ง
พอจรดสายตาไว้ในก้อนเมฆไร้ร่างพวกนั้นนานเข้า
ก็จะพบละอองหลากสีของแสงแดดหลบซ่อนแทรกตัวอยู่ทั่วไป
บรรดานกน้อยใหญ่ส่งเสียงกันเอื้อยเจื้อย เหมือนเตือนว่าไม่นาน
สิ่งที่เห็นเบื้องหน้าจะหมุนเวียนเปลี่ยนผันไป
ฉันรู้สึกตัวอีกทีแดดก็จ้าเกินกว่าจะเพ่งมองเสียแล้ว

 

 

หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นแล้วแสงแดดก็สาดส่อง
ละอองของสีความสุขยังคงปะปนอยู่กับผ้าใบผืนใหญ่
ในขณะที่แสงสีส้มสะท้อนผ้าม่านเข้ามากระทบผิวหนัง
เสียงนกที่เคยดังก็แผ่วลงในท่วงที..

damn

มันเป็นนิสัยที่ฉันชอบทำตัวเองให้เหมาะสมกับคำว่าซังกะตายอยู่เป็นพักๆ
อารมณ์จะขึ้นๆลงๆอ่อนไหวไปตามอะไรก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้
รู้เพียงแค่ว่าฉันจะอารมณ์ดี กระตือรือร้นกับทุกสิ่งรอบตัวได้อย่างง่ายดาย
และจะจมลงกับอะไรบางอย่างหรือแม้กระทั่งกับตัวเองได้ไม่ง่ายไปกว่ากัน
ฉันเกลียดตัวเองเวลาที่ชอบทำตัวเรื่อยเปื่อยไม่ขยับไม่สะทกสะท้านกับสิ่งใดทั้งนั้น
พยายามมองหาหนทางบำบัด ศิลปะบำบัดได้มันก็ใช่
แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือฉันต้องออกเดินทาง ใกล้หรือไกลฉันรู้แค่ว่าต้องไป
หากหลุดพ้นปัจจัยที่บังคับบีบรั้นฉันไว้เหมือนเถาวัลย์ที่ยากจะทำให้ขาดแต่เพียงครั้งเดียว
ฉันก็จะสามารถไปยังที่ใจหมายเพื่อหลีกหนีความจริงได้ชั่วขณะ
แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ และครั้งหน้าอีกเช่นกัน ฉันคงต้องบำบัดตัวเองได้เท่าที่ความสามารถพึงมี
ซ้ำยังต้องตระหนักว่าฉันเติบโตมาถึงจุดที่ควรจะมีเหตุมีผล
กับการใช้จ่ายเวลาไปในแต่ละวันได้แล้ว ฉันกำลังนั่งอยู่บนเรือน้อยลอยลำ
มองเห็นฝั่งอยู่ลิบตาแต่ก็หวั่นไหวว่าใช่ฝั่งที่โหยหาหรือไม่
พายุอาจซัดเข้ามาทุกเมื่อ และที่นี่ไม่มีเสือ รวมถึงฉันไม่ใช่ริชาร์ด ปาร์คเกอร์
ฉันต้องทำตัวเองให้เข้มแข็งอยู่เสมอ บอกตัวเอง
แล้วเริ่มต้นวันใหม่ที่ต่างไปจากวันนี้.

lazy sunday

บ่ายวันอาทิตย์ไม่มีอะไรน่าสนใจ
มากไปกว่านั่งอยู่เฉยๆ กดรีเพลย์ดูวีดีโอเก่าแรมปีในคอม
นึกฝันถึงกลิ่นน้ำแข็งใกล้ละลายของยุโรปเหนือเมื่อสองปีก่อน
ช่วงวันที่ฉันเล่นสนุกเหมือนเด็กตลอดเวลาสองอาทิตย์
ป่าสนในความทรงจำรอวันกลับไปในอีกไม่นาน
ดวงตากลมโตของสัตว์กีบพวกนั้น
ฉันโหยหารอยยิ้มจากป่าใหญ่อยู่เสมอ

harvest the moonlight

 

พระจันทร์ในคืนนี้สวยมากจริงๆ อวดโฉมอยู่กลางสายตาตอนเที่ยงคืน
ส่องแสงสว่างสไวกลบดวงดาวที่เคยเฉิดฉายอยู่ในรัตติกาล
ฉันมองเห็นเส้นแสงเจ็ดสีที่เค้าว่าจะมีหลังฝนตก
ปรากฏขึ้นเป็นรัศมีล้อมรอบวงกลมสีเหลืองทองนี้
พร้อมกับแมวสีดำนิลอกขาวตัวเดิม มันยังคงวิ่งตามฉันเช่นเดียวกับวันนั้น
ในค่ำคืนหนึ่งของฤดูร้อนที่ยังพอมีลมหนาวแทรกมาให้สะท้านบ้างประปราย
คล้ายกำลังลูบหลังก่อนจะตบหัวด้วยแดดในวันพรุ่งที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งในร่างกายเธอ
จริงๆแล้วมันไม่มีอะไรแปลกใหม่ ฉันแค่พยายามกอดเก็บสุนทรียะเหล่านี้
เอาไว้เผชิญหน้ากับความจริงของวันใหม่เท่านั้นเอง

hum

ถ้าที่ที่นี้เป็นที่เดียวที่มีดวงดาว
ถ้าที่ที่นี้เป็นที่เดียวที่มีดวงจันทร์
ถ้าที่ที่นี้เป็นที่เดียวที่มีท้องฟ้าและทะเลสีคราม
นอกจากนี้ไม่มีใคร
ถ้าที่ที่นี้เป็นที่เดียวที่มีเธออยู่
ถ้าที่ที่นี้เป็นที่เดียวที่มีลมหนาว
ถ้าที่ที่นี้เป็นที่เดียวที่มีต้นไม้และลำธารน้ำใส
ก็จะไม่มีสิ่งใด

มีเพียงหนึ่งเรา
กับสายลมหนาว

 

stoker

หนังเรื่องหนึ่งหลังจากดูจบ คำถามที่ถามกับตัวเองคือ ชอบหรือ ไม่ชอบ ไม่ใช่ดีหรือไม่ดี
หลังจากนั้นจะวิเคราะห์และประมวลผลความคิดของตัวเองว่าชอบเพราะอะไร

 

 

จำ หนังเรื่องนี้ดูแล้วมันจดมันจำอยู่ในหัวชัดเจนกว่าเรื่องอื่นที่พึ่งดูจบ
สำหรับเราเนื้อเรื่องของการสูญเสียมันมีน้ำหนักกว่าหนังรักโรแมนติกหรือหนังโลกสวยกล่อมเด็กและคนคิดบวก
เรื่องนี้อาจไม่ได้ดีเด่นอะไรมาก แต่ด้วยพฤติกรรมบางอย่างของตัวละคร
การซ้ำของท่าที นัยน์ตาและกิริยาประหลาดของอินเดียที่ดูน่าสนใจ
เพียงพอกับยิ้มเย็นๆของอาที่มีกับหลานสาว รวมไปถึงอาการทางจิตของสามตัวละครหลัก
เสียงที่เกิดจากการกระทำบางอย่างที่ชวนให้เกิดอาการประสาทเสีย
การทิ้งสายตาและรอยยิ้มที่มุมปากของนักแสดงทำให้มันมีชีวิตมากขึ้น
หนังเรื่องนี้มีเสน่ห์ตรงที่ค่อยๆ ซ่อนฉากสยองขวัญให้เห็นเพียงภาพไกลตา
และรอยเลือดสาดกระเซ็น ความน่ากลัวถูกลดทอนลงให้เป็นคล้ายภาพถ่ายมากกว่าภาพเคลื่อนไหว

 

 

โดยนิสัยไม่ใช่คนที่สามารถนั่งดูหนังประเภทนี้ได้จนจบ
ของเหลวข้นสีแดงเป็นอะไรที่ติดตาได้ง่ายกว่าภาพอื่น ความขยาดหวาดกลัวจึงตามมาเป็นลำดับ
ถึงขั้นเป็นลมล้มคว่ำก็เคย เอาเป็นว่าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง
แต่หนังเรื่องนี้ ไม่รู้มาก่อนว่าเกี่ยวกับอะไร เป็นการตัดสินใจที่เรียกว่าฉับพลัน
ไปถึงลิโด้ซื้อตั๋วหนังตอนที่เพลงสรรเสริญพระบารมีกำลังเล่นและนั่งลงที่นั่งประจำ B7
พอดีกับภาพฉายของบริษัทโปรดักชัน เสียงของคู่รักข้างๆถัดไปหนึ่งที่นั่งทำเอาน่ารำคาญเล็กน้อยตลอดเรื่อง
วันเดียวกันกลับมาเปิดบทวิจารณ์อ่าน ถึงคะแนนไม่ได้สูงมากจนถึงเกรดเอ
แต่นับว่ามีคนให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย อาจด้วยตัวละครที่ไม่ต้องมีเยอะมาก
และเนื้อหาเกี่ยวกับครอบครัวซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัว ทำให้นึกถึง We need to talk about kevin
สองเรื่องนี้มีปัจจัยหลายอย่างที่คล้ายกัน และเป็นหนังโรคจิตสองเรื่องที่ต้องเปิดดูซ้ำ
แปลก หนังส่วนมากที่ชอบจะมีป้าย sundance กำกับอยู่มากกว่าเทศกาลอื่นๆ
จนกลายเป็นนิสัยที่จะชอบค้นหนังจากเวทีนี้มาดูอยู่เรื่อยๆ